.
.
เรื่องเพิ่งแดง! อาคารสนามบินตรังเสียหายยับเยิน ทิ้งร้างต่อหน้า “นายหัวชวน” นั่งไม่ติดร้อนใจรุดดู ผงะ!มือมืดลักสายไฟนานแรมปี คนสนิท โพสต์ นักการเมืองคนหนึ่งประสานงบยุคคสช. ไม่นิ่งนอนใจตามบี้งานตลอด อึ้ง! 1.2 พันล้านภาษีปชช. ไร้แม้รปภ. สภ.เมืองตรังโชว์ผลงานจับทันควัน แจ้งข้อหาหนักลักทรัพย์กลางคืน ร้านของเก่าเจอรับซื้อของโจร ทย.ลงพื้นที่ด่วนสำรวจหน้างาน-ตั้งงบใหม่
.
ตรัง-เรื่องเพิ่งแดง! อาคารสนามบินตรังเสียหายยับเยิน ทิ้งร้างต่อหน้า “นายหัวชวน” นั่งไม่ติดร้อนใจรุดดู ผงะ!มือมืดลักสายไฟนานแรมปี สภ.เมืองตรังตามรวบทันควัน คนสนิท โพสต์ นักการเมืองคนหนึ่งประสานงบมายุคคสช. ไม่นิ่งนอนใจตามบี้งานก่อสร้างตลอด อึ้ง! 1.2 พันล้านภาษีปชช. ตกหลุมสุญญากาศ ไร้แม้รปภ. สภ.เมืองตรังโชว์ผลงานจับทันควัน แจ้งข้อหาหนักลักทรัพย์กลางคืน ร้านของเก่าเจอรับซื้อของโจร ทย.สั่งลงพื้นที่ด่วนสำรวจหน้างาน เร่งตั้งงบใหม่ ลั่นสร้างเสร็จปลายปี 68 หลังประชาชนบุกร้อง “มนพร”
.
ผู้สื่อข่าวรายงานจากจังหวัดตรังเมื่อวันที่ 28 พฤศจิกายน 2567 ว่า เมื่อวันที่ 27 พฤศจิกายน 2567 ที่ผ่านมา ผู้ใช้เฟสบุ๊ค ชื่อ Thanophas Sinchai ซึ่งเป็นของนายธโนภาส สินไชย เลขาผู้ติดตามนายชวน หลีกภัย อดีตนายกรัฐมนตรี 2 สมัย อดีตประธานรัฐสภา ในฐานะส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ โพสต์ข้อความระบุ ว่าด้วยเรื่องสนามบินตรัง หรือ ท่าอากาศยานนานาชาติตรัง ล่าช้า สร้างไม่เสร็จ สายไฟหาย!!! ความคาดหวังของชาวตรัง….ย้อนกลับไปหลายปี เริ่มตั้งแต่ยุค คสช. ที่การเมืองไม่มีการเลือกตั้ง ไม่มีผู้แทน เกิดสูญญากาศทางการเมือง ได้มีนักการเมืองท่านนึงผลักดันงบประมาณให้เกิดการพัฒนาสนามบินตรังแห่งนี้ ตั้งแต่ขยายหลุมจอดเครื่องบิน อาคารผู้โดยสารหลังใหม่ และ ทางวิ่ง(Runway) ที่เกิดขึ้นต่อเนื่องกันในสนามบินแห่งเดียวกันแห่งนี้”
.
.
นายธโนภาส ระบุอีกว่า และเมื่อได้มองไปถึงอาคารผู้โดยสารหลังใหม่ของสนามบินแห่งนี้ ถ้าเปิดให้บริการผู้โดยสารขึ้นมาอย่างเต็มระบบ จะมีค่าไฟฟ้าอยู่ที่ 900,000 บาท ถึง 1,100,000 บาท ต่อเดือน นักการเมืองท่านนี้นอกจะผลักดันงบประมาณลงมา ยังมองไปถึงค่าสาธารณูปโภค ทั้งที่เป็นของรัฐ จึงได้ประสานไปยังคณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตหาดใหญ่ เพื่อหาหนทางลดค่าไฟฟ้าของสนามบินแห่งนี้ลง ส่วนการก่อสร้างเป็นเรื่องระหว่างผู้รับจ้างที่มาดำเนินการทำการก่อสร้างก็มีสัญญาแตกต่างกัน แต่ละสัญญาก็ดำเนินการกันไป ภาคธุรกิจก็รอคอยความหวังสนามบินแห่งนี้จะเป็นสนามบินนานาชาติ จะมีนักท่องเที่ยวเข้ามา มีเที่ยวบินเช่าเหมาลำ จนองค์กรการท่องเที่ยวบินไปเซ็น MOU กับต่างประเทศเพื่อคาดหวังว่าเมื่อสนามบินแห่งนี้เปิดขึ้นมา จะมีเม็ดเงินเข้ามาใช้จ่ายในบ้านเราเหมือนจังหวัดข้างเคียง เพราะเราจะมีสนามบินนานาชาติ
.
นายธโนภาส ระบุว่า จนแล้วจนเล่า นักการเมืองท่านนี้ได้ติดตามความคืบหน้า ทำหนังสือทวงถามไปยังผู้มีอำนาจเพื่อตระหนักถึงปัญหาที่จะเกิดขึ้น แต่แล้ววันนี้ “คณะกรรมการฯจึงมีมติเห็นควรบอกเลิกสัญญาจ้าง เพื่อให้ผู้รับจ้างรายใหม่ดำเนินการต่อ โดยขณะนี้กรมท่าอากาศยานอยู่ระหว่างเสนอหนังสือยกเลิกสัญญาจ้างดังกล่าว ตามระเบียบและกฎหมายที่เกี่ยวข้องก่อนดำเนินการหาผู้รับจ้างรายใหม่มาดำเนินการต่อให้แล้วเสร็จ” ไม่ต้องถามความรู้สึกของชาวตรัง ว่ารู้สึกอย่างไร ขณะที่เกิดสูญญากาศระหว่างผู้รับเหมา นักการเมืองท่านนี้ก็ยังคงติดตามและได้รับรายงานความคืบหน้าของโครงการจนถึงเรื่องการลักขโมยสายไฟในอาคารผู้โดยสารหลังใหม่ ในวันรุ่งขึ้น (4 พ.ย.67) ก่อนที่ท่านจะบินไปกทม. ก็รุดไปดูที่เกิดเหตุและได้แจ้งไปยังผู้อำนวยการท่าอากาศยานตรัง และ ผกก.สภ.เมืองตรัง ว่าได้มีบุคคลได้ลักลอบเข้าไปตัดสายไฟภายในอาคารผู้โดยสารหลังใหม่ จนถึงเวลาช่วงบ่ายของวันเดียวกัน ผกก.สภ.เมืองตรังได้เข้าพื้นที่เกิดเหตุและตั้งชุดเฉพาะกิจ จนสามารถจับกุมคนร้ายได้
.
นายธโนภาส เล่าอีกว่า ต่อมาจึงพบว่าบุคคลดังกล่าวได้เข้าลักลอบตัดสายไฟไม่ต่ำกว่า 20 ครั้ง เกิดความเสียหายที่มีมูลค่ามหาศาล “นายXXX ได้ขับขี่รถจยย. XXXX ไปบริเวณอาคารที่พักผู้โดยสารท่าอากาศยานหลังใหม่ดังกล่าว แล้วใช้คีมตัดเอาสายไฟ ความยาวรวมประมาณ XXX ม. จำนวน XXX เส้น มาปอกเหลือเพียงลวดทองแดง น้ำหนักรวมประมาณ XXX กก. และในวันถัดไปได้ให้ นางสาวXXX XXXX ไปขายที่ร้านรับซื้อของเก่า ชื่อว่า “ ร้าน XXX “ อยู่ที่ XXXX อำเภอเมือง จังหวัดตรัง โดยนำเงินมาแบ่งกัน พร้อมนำชี้ภาพอาคารที่พักผู้โดยสารท่าอากาศยานหลังใหม่ว่าเป็นจุดที่ตนกับพวกเข้าไปลักสายไฟ และร้านรับซื้อของเก่า ชื่อว่า “ ร้าน XXX” ในการจับกุมครั้งนี้ต้องขอขอบคุณ ผกก.สภ.เมืองตรัง ที่เข้าดำเนินการจับกุมได้ทันท่วงที
.
.
“ทำไมผมถึงเพิ่งเขียนเรื่องนี้ ทั้งที่เหตุการณ์ผ่านไปสักพัก เพราะว่าต้องการให้ทุกอย่างปรากฎอย่างชัดเจนและมีข้อมูลถูกต้อง จนเกิดเหตุการณ์ดังที่ปรากฎ และอยากให้เห็นว่าบุคคลท่านนึงได้ทำงานเบื้องหลังกับสิ่งเหล่านี้มาตลอด ในวันนี้เรื่องของสนามบินตรังหรือท่าอากาศยานนานาชาติตรัง เป็นสิ่งที่ทุกคนคาดหวังว่าจะช่วยเติมเต็มเศรษฐกิจในบ้านเราได้ จึงอยากให้ทุกท่านช่วยกันคิดต่อยอดว่านอกจากสนามบินของบ้านเราแล้ว พวกเราจะช่วยกันเชิญนักท่องเที่ยวกลับมาเยือน”จังหวัดตรัง” ซ้ำอีกได้อย่างไร ให้เหมือนจังหวัดอื่นๆ หรือประเทศอื่นๆ ที่ “เรา” อยากไปซ้ำในทุกๆปี”นายธโนภาส ระบุ
.
.
รายงานข่าวงแจ้งว่า กรณีการจับกุมคนร้ายลักสายไฟภายในอาคารที่พักผู้โดยสาร ท่าอากาศยานนานาชาติตรังหลังใหม่ที่ถูกทิ้งงานวงเงินการก่อสร้าง 1.2 พันล้านบาทนี้ เนื่องจากเมื่อไม่นานมานี้ ได้มีพลเมืองดี แจ้งเบาะแสะมายังเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองตรัง โดยระบุมีคนร้ายเข้ามาลักทรัพย์สินโดยเฉพาะลักตัดสายไฟภายในอาคารในช่วงเวลากลางคืนมานานแล้วหลายครั้ง เนื่องจากไม่มีกล้องวงจรปิดบริเวณซุ้มทางเข้าอาคาร ฝั่งถนนตรัง-ปะเหลียน ซึ่งเป็นทางเข้าออกหลักเพียงทางเดียวมายังตัวอาคาร โดยนำสายไฟที่ได้ไปปอกเหลือเพียงทองแดงก่อนนำไปขายยังร้านรับซื้อของเก่าแก่งหนึ่งหลายครั้ง โดยคนร้ายมีไม่ต่ำกว่า 4 ทีม ทีมละ 1-4 คน ทั้งมาด้วยรถมอเตอร์ไซค์ และมอเตอร์ไซค์แบบพ่วงข้าง รองผกก.สืบสวนสภ.เมืองตรัง ภายใต้การอำนวยการโดยพ.ต.อ.สานิตย์ พลเพชร ผกก.สภ.เมืองตรัง จึงสั่งวางกำลังชุดสายสืบซุ่มดักจับโดยรอบบริเวณอาคาร กระทั่งพบคนร้ายลอบเข้ามาหวังลักต่อ จึงทำการจับกุมได้พร้อมหลักฐาน สายไฟที่ถูกลักรวมทั้งเครื่องมืออุปกรณ์ในการโจรกรรม
.
รายงานข่าวแจ้งอีกว่า เมื่อทำการจับกุมได้ ฝ่ายสืบสวนได้นำตัวคนร้ายทำการสอบขยายผล จนสามารถรู้แหล่งรับซื้อ พร้อมเข้าตรวจสอบทันที โดยเจ้าของร้ายขายของเก่าที่รับซื้อได้ปฏิบัติตามระเบียบการรับซื้อของเก่า คือ มีบันทึกการรับซื้อพร้อมข้อมูลบัตรประชาชนผู้ขายมาแสดงต่อเจ้าหน้าที่ แต่เมื่อสอบลึกลงไปพบว่า คนร้ายได้นำสายไฟที่ลักได้มาขายที่ร้านแห่งนี้ซ้ำๆหลายครั้ง ในปริมาณมากจนผิดสังเกต แต่เจ้าของร้านก็ยังคงรับซื้อโดยไม่มีเงื่อนไข เชื่อได้ว่ารับรู้ว่าเป็นทรัพย์ที่ได้มาโดยไม่สุจริตสมฐานะผู้นำมาขาย ไม่แจ้งความผิดปกติดังกล่าวต่อเจ้าหน้าที่ เบื้องต้นตำรวจจึงได้แจ้งข้อกล่าวหาลักทรัพย์ในเวลากลางคืนซึ่งมีโทษหนักกว่าลักทรัพย์ปกติในช่วงกลางวันกับคนร้าย พร้อมแจ้งข้อกล่าวหา รับซื้อของโจรกับเจ้าของร้านรับซื้อของเก่าด้วย ซึ่งมีอัตราโทษไม่ต่ำกว่าผู้ทำการลักทรัพย์ ขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐานในสำนวน เพื่อดำเนินคดีตามกระบวนการยุติธรรม สู่ชั้นอัยการ และศาลเพื่อพิจารณาโทษต่อไป
.
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กรณีปัญหาเกี่ยวกับการก่อสร้างอาคารที่พักผู้โดยสาร ท่าอากาศยานนานาชาติตรัง หลังใหม่ วงเงิน 1.2 พันล้านบาท นั้น เป็นปัญหายืดเยื้อมายาวนาน โดยไม่สามารถก่อสร้างได้แล้วเสร็จ ปัจจุบันผู้รับจ้าง คือ บริษัทอักษรย่อ พ. ได้ทิ้งงานไปแล้ว โดยกรมท่าอากาศยาน(ทย.) ได้มีมติบอกเลิกสัญญากับเอกชนรายดังกล่าว และอยู่ระหว่างดำเนินการแจ้งบอกเลิกสัญญาทางเอกสาร ทั้งนี้ก่อนหน้านี้ เครือข่ายชมรมเสียงประชาชน จังหวัดตรัง(สปช.ตรัง) ได้เดินทางไปยังสำนักงานท่าอากาศยานนานาชาติตรัง เพื่อติดตามสอบถามความคืบหน้าการก่อสร้างอาคารผู้โดยสารท่าอากาศยานนานาชาติตรังหลังใหม่ มูลค่าโครงการกว่า 1,200 ล้านบาท พร้อมเร่งรัดให้เร่งก่อสร้างให้แล้วเสร็จ เมื่อวันที่ 21 ตุลาคม 2567 ที่ผ่านมา เนื่องจากได้ติดตามและห่วงใยต่อความล่าช้าที่ได้ส่งผลกระทบต่อประชาชนและเศรษฐกิจของจังหวัดตรังเป็นอย่างมาก หลังเกิดปัญหาผู้รับเหมาทิ้งงานในงวดสุดท้าย ทั้งที่ก่อสร้างแล้วเสร็จพร้อมส่งงวดงานและเบิกจ่ายไปแล้วกว่า 98% แต่กลับมีการทิ้งงานในงวดสุดท้าย จนผ่านกำหนดเวลาส่งมอบงานตามสัญญาจ้างมานานกว่า 7 เดือนแล้ว ทำให้อาคารผู้โดยสารมีสภาพชำรุดทรุดโทรม ฝนตกหลังคารั่วลงมาทำให้ฝ้าเพดานพัง สายไฟห้อยระโยงรยางค์ น้ำเจิ่งนองพื้นอาคาร นอกจากนี้งานปรับภูมิทัศน์ภายในอาคาร งานจัดสวน ปลูกต้นไม้ตกแต่ง พบว่าต้นไม้ต่างๆมีสภาพแห้งเหี่ยวตายทั้งหมด ทำให้หลายหน่วยงานต่างเข้ามาตรวจสอบ ซึ่งปัญหาการทิ้งงานทิ้งร้างที่เกิดขึ้น ได้ส่งกระทบต่อประชาชนที่ต้องซื้อตั๋วเครื่องบินแพงกว่าจังหวัดอื่น เนื่องจากเที่ยวยินน้อย การแข่งขันน้อย เพราะอาคารใหม่ไม่แล้วเสร็จให้ใช้งาน และในวันที่ 30 ตุลาคม 2567 เครือข่ายสปช.ตรัง ได้เดินทางไปยังกระทรวงคมนาคม พร้อมยื่นหนังสือต่อนางมนพร เจริญศรี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม เพื่อเร่งรัดโดยตรง
.
ความคืบหน้าล่าสุด นายดนัย เรืองสอน อธิบดีกรมท่าอากาศยาน(ทย.) ได้มีหนังสือด่วน ที่ คค 0501/3762 ลงวันที่ 2 พฤศจิกายน 2567 โดยกรมท่าอากาศยานตอบข้อร้องเรียนประชาชน พร้อมรายงานผลการดำเนินงานการก่อสร้างอาคารผู้โดยสารท่าอากาศยานตรัง ระบุ กรมท่าอากาศยาน ขอชี้แจงว่าที่ผ่านมาโครงการก่อสร้างอาคารที่พักผู้โดยสารหลังใหม่ ท่าอากาศยานตรัง ประสบปัญหาผู้รับจ้างไม่เข้าทำงานและไม่มีบุคลากรประจำที่หน่วยงาน เนื่องจากขาดสภาพคล่องทางการเงินอย่างรุนแรง จึงทำให้การเปิดให้บริการช้ากว่าแผนที่กำหนด ทั้งนี้ กรมท่าอากาศยานไม่ได้นิ่งนอนใจ ที่ผ่านมากรมท่าอากาศยานได้ดำเนินการหลังจากสิ้นสุดกำหนดระยะเวลาตามสัญญา ณ วันที่ 22 เมษายน 2567 โดยส่งหนังสือถึงผู้รับจ้าง ดังนี้ 1.หนังสือแจ้งเรียกค่าปรับกรณีผิดสัญญาจ้าง 2.หนังสือเร่งรัดให้ส่งงาน 2 งวดที่เหลือ ได้แก่ เฟอร์นิเจอร์ งานทดสอบทุกระบบ ไฟถนน และงานคงเหลือทั้งหมด และ 3.หนังสือแจ้งสงวนสิทธิ์บอกเลิกสัญญาจ้าง
.
หนังสือระบุอีกว่า จากนั้นได้มีการประชุมคณะกรรมการตรวจรับ ผู้ควบคุมงานและผู้รับจ้างครั้งที่ 1 เพื่อติดตามเร่งรัดงาน ผู้รับจ้างรับทราบการสงวนสิทธิ์บอกเลิกสัญญา และยังประสงค์จะดำเนินการสร้างต่อ ต่อมาได้มีการประชุมคณะกรรมการตรวจรับ ผู้ควบคุมงาน และผู้รับจ้างครั้งที่ 2 เพื่อแจ้งให้ผู้รับจ้างเร่งเข้าทำงาน โดยผู้รับจ้างยืนยันจะมีบุคลากรเข้างานภายในวันที่ 5 ตุลาคม 2567 หลังจากนั้นมีการประชุมคณะกรรมการตรวจรับ ผู้ควบคุมงาน และผู้รับจ้างครั้งที่ 3 เนื่องจากยังไม่มีความคืบหน้า จึงแจ้งให้ผู้รับจ้างเร่งรัดเข้าทำงานอีกครั้ง มิฉะนั้นจะบอกเลิกสัญญาจ้าง ผู้รับจ้างแจ้งว่าอยู่ระหว่างเจรจาหาแหล่งเงินทุนในวันที่ 26 ตุลาคม 2567 เพื่อดำเนินการต่อ จนกระทั่งเมื่อวันที่ 30 ตุลาคม 2567 ในการประชุมคณะกรรมการตรวจรับ ผู้ควบคุมงาน ที่ประชุมรายงานว่ายังไม่มีการเข้าทำงาน คณะกรรมการฯจึงมีมติเห็นควรบอกเลิกสัญญาจ้าง เพื่อให้ผู้รับจ้างรายใหม่ดำเนินการต่อ โดยขณะนี้กรมท่าอากาศยานอยู่ระหว่างเสนอหนังสือยกเลิกสัญญาจ้างดังกล่าว ตามระเบียบและกฎหมายที่เกี่ยวข้องก่อนดำเนินการหาผู้รับจ้างรายใหม่มาดำเนินการต่อให้แล้วเสร็จ และเปิดใช้งานภายในสิ้นปี 2568
.
รายงานข่าวจากรมท่าอากาศยาน(ทย.) แจ้งว่า วันที่เมื่อวันที่ 21 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ทย.ได้ประชุมร่วมกับ Consult โครงการ เพื่อนำเสนอข้อมูล โดยกองก่อสร้างและบำรุงรักษา(กกบ.) ทย.จะประมวลผล และลงไปสำรวจหน้างานกการก่อสร้างช่วงปลายเดือนพฤศจิกายน ถึงช่วงต้นเดือนธันวาคมนี้ เพื่อสรุปข้อมูลทุกอย่างภายในกลางเดือนธันวาคม เพื่อหาผู้รับจ้างรายใหม่ นอกจากนี้ในส่วนของการตรวจสอบงานที่ตรวจรับไปแล้ว มีการตรวจสอบโดย ทย. และหน่วยงานภายนอก เช่น ป.ป.ช. แล้ว ซึ่งที่ผ่านมาก็ได้มีการตรวจสอบ และทดสอบเปิดระบบต่างๆโดยตลอด เช่น ระบบไฟฟ้าแสงสว่าง CCTV และส่วนอื่นๆ ซึ่งกองก่อสร้างและบำรุงรักษา(กกบ.) ทย. จะไปสำรวจอีกครั้ง
.
.
.