.
.
ตรัง-วันสุดท้ายห้ามพลาด! งาน “เทศกาลลูกลม ชมถ้ำเขาช้างหาย เรียนรู้วัฒนธรรมนาหมื่นศรี” 1-5 มี.ค.นี้ พิธีเปิดยิ่งใหญ่ งานท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม เล่นลมชมทุ่ง เรียนรู้วิถีนา
.
เมื่อเวลา 19.30 น.วันที่ 1 มีนาคม 2567 ที่บริเวณการจัดงานลานหน้าถ้ำเขาช้างหาย ตำบลนาหมื่นศรี อำเภอนาโยง จังหวัดตรัง นายสกุล ดำรงเกียรติกุล รองผู้ว่าราชการจังหวัดตรัง เปิดงาน “เทศกาลลูกลม ชมถ้ำเขาช้างหาย เรียนรู้วัฒนธรรมนาหมื่นศรี” ครั้งที่ 26 ประจำปี 2567 จัดขึ้นระหว่างวันที่ 1-5 มีนาคมนี้ โดยมี นางสาวจิราวดี อ่อนวงศ์ ท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดตรัง นายวิโรจน์ เยาว์ดำ นายกอบต.นาหมื่นศรี นายประเสริฐ คงหมุน ปราชญ์ลูกลมชาวตำบลนาหมื่นศรี ผู้นำท้องที่ ท้องถิ่น และประชาชนจำนวนมากเข้าร่วม ท่ามกลางบรรยากาศยามเย็นริมทุ่งนา หน้าเขาช้างหาย ที่เต็มไปด้วย “ลูกลม” หรือ “กังหันลม” ที่ติดตั้งไว้ ซึ่งถือเป็นการละเล่นพื้นบ้านที่สืบต่อมายาวนาน จนถือเป็นภูมิปัญญาท้องถิ่นของตำบลนาหมื่นศรี พื้นที่กสิกรรมทำนาผืนใหญ่ของจังหวัดตรัง ในช่วงเดือนมกราคม-มีนาคม ในช่วงฤดูกาลเก็บเกี่ยวของทุกปี โดยการจัดงานมีวัตถุประสงค์ 1.เพื่อส่งเสริมกิจกรรมการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม 2.เพื่อประชาสัมพันธ์ผลิตภัณฑ์ทางการท่องเที่ยวของจังหวัดตรัง 3.เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจภาคการท่องเที่ยวและบริการของจังหวัดตรัง 4.เพื่อส่งเสริมภาพลักษณ์ที่ดีด้านการท่องเที่ยวให้ตรัง เป็นเมืองแห่งคุณภาพชีวิตที่ดีและยั่งยืน สำหรับวันนี้(5 มีนาคม) เป็นวันสุดท้ายของงาน พบกับกิจกรรมมากมาย ห้ามพลาด
.
กิจกรรมภายในงาน ประกอบด้วย การแสดงศิลปวัฒนธรรมพื้นบ้าน รำวงเวียนครก ชุดการแสดงมโนราห์ ลิเกป่า หนังกางแปลง และการแสดงศิลปวัฒนธรรมของเยาวชนในท้องถิ่น การออกร้านค้าจำหน่ายสินค้า ผลิตภัณฑ์ชุมชน “อิ่มอร่อย เมนูเด็ดๆ” อาหารพื้นบ้านตำหรับนาหมื่นศรี สินค้าชุมชน สัมผัสวิถีชีวิตภูมิปัญญาดั้งเดิม อาทิ การสาธิตการทำลูกลม การประกวดแข่งขันลูกลมที่มีหนึ่งเดียวในประเทศไทย การทอผ้านาหมื่นศรี การร่อนข้าว และการตำข้าว ภาคการแสดง แสง สี เสียง เต็มรูปแบบกับคอนเสิร์ตมากมาย ฟรี อาทิวันที่ 1 มีนาคม พบกับสมพงษ์ วงลูกคลัก วันที่ 2 มีนาคม พบกับน้องเพลง วิสสุตา ปะทะ น้องชัน และหนังกางแปลง วันที่ 3 มีนาคม พบกับวงกินรี วันที่ 4 มีนาคม พบกับแนท ราเชนทร์ และ วันที่ 5 มีนาคม พบกับลิลลี่ ได้หมดถ้าสดชื่น
.
นายสกุล ดำรงเกียรติกุล รองผู้ว่าราชการจังหวัดตรัง กล่าวว่า การจัดกิจกรรมครั้งนี้ เพื่อยกระดับคุณภาพแหล่งท่องเที่ยวให้เป็นที่ยอมรับในระดับสากล โดยเน้นความยั่งยืนของแหล่งท่องเที่ยว สิ่งแวดล้อม และอัตลักษณ์วิถีชาวนาไทย “ลูกลม” เป็นการละเล่นชื่อดังของชาวปักษ์ใต้ จนกลายเป็นแหล่งเรียนรู้ก่อนพัฒนาไปเป็นแหล่งผลิตและจำหน่ายลูกลม สร้างรายได้สู่ชุมชนอย่างงดงาม ประกอบกับตำบลนาหมื่นศรีเป็นพื้นที่ทำนาที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของจังหวัดตรัง การพัฒนาและบริหารจัดการแหล่งท่องเที่ยวตามหลักเศรษฐกิจพอเพียง รวมถึงพัฒนากลไกการบูรณาการความร่วมมือกับภาคีเครือข่ายในการส่งเสริมการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน ซึ่งสอดรับกับทิศทางการส่งเสริมการท่องเที่ยวจังหวัดตรัง และเป็นไปตามยุทธศาสตร์การท่องเที่ยวของประเทศ
.
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับ “งานเทศกาลลูกลม ชมถ้ำเขาช้างหาย เรียนรู้วัฒนธรรมนาหมื่นศรี” จัดต่อเนื่องกันมากว่า 25 ปีแล้ว โดยการเล่น “ลูกลม” หรือ “กังหันลม” ของชาวบ้านตำบลนาหมื่นศรี อำเภอนาโยง จังหวัดตรัง ถือเป็นการละเล่นพื้นบ้านที่สืบต่อมายาวนานนับร้อยๆปี จนถือเป็นภูมิปัญญาท้องถิ่นของตำบลนาหมื่นศรี โดยมักเล่นกันในช่วงเดือนมกราคม-มีนาคมของทุกปี เนื่องจากเป็นช่วงที่มีกระแสลมแรง โดยจัดตรงกับช่วงฤดูกาลเก็บเกี่ยวข้าวของตำบลนาหมื่นศรี ซึ่งเป็นพื้นที่นาลุ่มคลองนางน้อย พื้นที่เกษตรกรรมขนาดใหญ่ของจังหวัดตรังมาแต่โบราณ ในรุ่นบรรพชนได้เลือกทำเลอันอุดมสมบูรณ์แห่งนี้ตั้งถิ่นฐาน เกิดมรดกทางวิถีชีวิตวัฒนธรรมมากมาย ทุ่งนากว้างใหญ่ห่างจากตัวเมืองตรังไม่ถึง 10 กิโลเมตร มีถ้ำน้อยใหญ่ถึง 9 ถ้ำ โดยเฉพาะ “ถ้ำช้างหาย” ประวัติความเป็นมาของ “ลูกลม” เล่าสืบต่อกันมาว่า เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นบนสวรรค์ ในครอบครัวเล็กๆ ของ “พระพาย” ซึ่งเป็นเทพแห่งธรรมชาติ เป็นเทพเจ้าแห่งลมและพายุ รวมถึงท้องฟ้า ตามคติของศาสนาฮินดู โดยวันหนึ่งเป็นฤดูเกี่ยวข้าว ได้มีนกลา นกไผ นกเสียด นกกระจาบ และนกกาอื่นๆ ออกมามากินข้าว แต่เนื่องจาก “พระพาย” ไม่มีเวลาโห่นกไล่กาทุกวัน เพราะต้องไปอยู่เวรพัดลมทำความเย็นให้เทวดา ดังนั้น จึงมอบให้ “ลูกลม” ซึ่งเป็นลูกชายช่วยทำหน้าที่ดูแลนาข้าวแทน “ลูกลม” จึงได้ไปตัดไม้ไผ่ แล้วเหลาให้แบน แต่บิดเบี้ยวๆ ก่อนคาดเป็นกากบาททับกันหลายๆ อัน เพื่อดักลมให้หมุนไปมาซ้ายขวาได้ โดยเมื่อไม้ดังกล่าวโต้ลม ก็จะหมุนคล้ายกับกังหันวิดน้ำ และมีเสียงดังหวึ่งๆก้องกังวาล ทำให้นกกาเกิดความกลัว ไม่กล้าบินลงมากินข้าวที่ปลูกเอาไว้
.
.
ต่อมาเมื่อ “พระพาย” กลับจากเข้าเวร เห็นลูกชายทำอะไรแปลกๆ ด้วยการเอาไม้มาดักลม แต่มีเสียงไพเราะน่าฟัง จึงแสดงความพอใจอย่างมาก ดังนั้น ในวันต่อมา เมื่อ “พระพาย” ต้องไปเข้าเวรพัดลม จึงถือโอกาสบอกผลงานของลูกชายให้เทวดารับทราบ ซึ่งก็ได้แสดงความชื่นชม และแสดงความยินดีในความเฉลียวฉลาด พร้อมเห็นสมควรที่จะเผยแพร่สิ่งประดิษฐ์ชิ้นนี้ลงไปยังโลกมนุษย์ จึงได้เรียก “เวศหนู” ซึ่งเป็นทหารเอกมาเข้าเฝ้า เพื่อบัญชาให้นำเรื่องของ “ลูกลม” ไปทำการบอกกล่าว จนเป็นที่แพร่หลายในหมู่มวลมนุษย์นับตั้งแต่นั้นมา
.
ทั้งนี้ ในทางวิทยาศาสตร์อาจมองได้ว่า “ลูกลม” มีหลักการทำงานเดียวกันกับ “หุ่นไล่กา” คือใช้ไล่นกที่ลงมากินข้างในแปลงนา แต่ “ลูกลม” ที่ “นาหมื่นศรี” นั้นมีความเชื่อมโยงกับความเชื่อ และ การเคารพในธรรมชาติผ่านตัวแทนความศักดิ์สิทธิ์แห่งเทพธรรมชาตินั่นเอง
.
ภาพ