.
ตรัง-รองผวจ.ตรัง รุดเยี่ยมครอบครัวแรงงานไทย แม่โผเข้ากอด เผย ยังกังวลแม้ลูกอยู่พื้นที่ปลอดภัย พ่อเผย ลูกแม่โจ้เป็นนักสู้เอาตัวรอด แต่จำเป็นต้องอยู่ต่อเพราะต้องทำงานใช้หนี้สหกรณ์ กู้ไปทำงาน โอกาสไปทำงานอิสราเอลไม่ง่าย แต่ไม่ประมาท ประเมินสถานการณ์ทุกระยะ “เจ้าตัว” เผย นาทีชีวิตก่อนโจมตีเพียงวันเดียว ชายนิรนามแฝงตัวเข้าฟาร์มที่ฉนวนกาซา ทำทีขอบุหรี่สูบ ผิดสังเกตรีบโทรบอกนายจ้างพาหนีได้ทัน ทุกวันนี้เสียงปืน-จรวดยังดังทุกวัน ทำงานเสร็จต้องระวัง ไม่เตร็ดเตร่ต้องรีบเข้าหลุมหลบภัย
.
เมื่อเวลา 14.00 น วันที่ 12 ตุลาคม นายทรงกรด สว่างวงศ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดตรังคนใหม่รับตำแหน่งเริ่มงานวันแรก ด้วยการเดินทางไปที่บ้านเลขที่ 2 หมู่ 5 ตำบลนาวง อำเภอห้วยยอด จังหวัดตรัง เพื่อเยี่ยมครอบครัวของนายปณต สมาธิ 1 ใน 3 แรงงานไทยของจังหวัดตรัง ที่เดินทางไปทำงานยังประเทศอิสราเอล โดยมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง นำโดย แรงงานจังหวัดตรัง ประกันสังคมจังหวัดตรัง พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดตรัง ฝ่ายปกครอง เหล่ากาชาดจังหวัดตรัง เจ้าหน้าที่สาธารณสุขจังหวัดตรัง โดยมีกำนันตำบลนาวง ผู้นำชุมชน ตลอดจนบรรดาญาติของนายปณต ให้การต้อนรับ โดยมีการมอบสิ่งของอุปโภคบริโภคให้กับนายประเสริฐ สมาธิ พ่อ และ นางเอื้อ สมาธิ แม่ ของนายปณต โดยรองผู้ว่าฯตรัง ได้สอบถามความเป็นอยู่และให้กำลังใจกับครอบครัว ขณะที่แรงงานจังหวัดตรัง แนะนำช่องทางการติดต่อให้ความช่วยเหลือของภาครัฐ รวมทั้งแจ้งสิทธิประโยชน์จากกองทุนช่วยเหลือคนหางานที่ไปทำงานต่างประเทศกรณีเกิดเหตุฉุกเฉิน อันเนื่องมาจากภัยสงคราม ทั้งนี้พ่อและแม่ของนายปณตมีสีหน้าผ่อนคลายขึ้น หลังจากวิตกกังวลติดต่อกันมาหลายคืน นอกจากนี้เจ้าหน้าที่สาธารณสุขจังหวัดตรังได้ประเมินความเครียดของนายปณต พบว่ายังอยู่ในเกณฑ์มีความวิตกกังวลต่อเหตุการณ์แม้อยู่ในพื้นที่ปลอดภัย ทั้งนี้ก่อนเดินทางกลับ แม่ของนายปณตได้สวมกอดรองผู้ว่าฯตรังเพื่อแสดงความขอบคุณ โดยรองผู้ว่าฯได้กล่าวให้กำลังใจว่า “ผมกอดแม่ ก็ให้แม่คิดว่าเหมือนลูกกอดแม่คนหนึ่งนะครับ”
.
.
นายทรงกรด สว่างวงศ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดตรัง กล่าวว่า ได้สอบถามสารทุกข์สุกดิบตลอดจนให้ข้อแนะนำที่จำเป็น เพื่อให้พ่อกับแม่ของนายปณตได้คลายวิตกกังวล ทั้งนี้จากการรายงานของแรงงานจังหวัดตรัง นายปณตขณะนี้อยู่ในพื้นที่ปลอดภัย ห่างไกลพื้นที่สู้รบ แต่ได้กำชับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ให้เฝ้าระวังและคอยติดตามช่วยเหลือให้คำแนะนำครอบครัวอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะการผ่อนคลายความเครียดให้กับพ่อและแม่ โดยให้นักสุขภาพจิตของรพ.สต.ในพื้นที่ ตลอดจนนักจิตวิทยาของพมจ.ตรัง เข้าดูแลด้วยอย่างใกล้ชิด นอกจากนี้ ได้ให้คำแนะนำความช่วยเหลือพื้นฐานตามระเบียบราชการของของทุกหน่วยงานในจังหวัดตรัง โดยกรณีของนายปณต เจ้าตัวไม่ประสงค์เดินทางกลับประเทศไทย เพราะเจ้าตัวประเมินแล้วว่าไม่เสี่ยงมาก เนื่องจากอยู่ห่างไกลพื้นที่สู้รบ และระวังตัว ซึ่งปัจจุบันยังทำงานอยู่ เมื่อทำงานเสร็จก็เข้าหลุมหลบภัย ไม่ออกไปเตร็ดเตร่ที่ไหน อีกทั้งนายจ้างให้ความดูแลด้านความปลอดภัยในระดับหนึ่ง เชื่อว่านายปณตประเมินสถานการของตัวเองได้ในระดับหนึ่ง อย่างไรก็ตาม หน่วยงานไม่ได้นิ่งนอนใจ โดยจะติดตามทั้งครอบครัวและผู้ใช้แรงงานอย่างใกล้ชิด ให้ครอบครัวมีความอุ่นใจ
.
.
ด้านนายประเสริฐ สมาธิ บิดาของนายปณต กล่าวว่า บุตรชายของตนเคยไปทำงานที่อิสราเอลมาแล้วก่อนหน้านี้ และมีการต่อสัญญาการทำงานไปอีก 5 ปี โดยรอบที่ 2 นี้เริ่มทำงานได้เพียง 1 ปี ก็เกิดเหตุการณ์ปะทะกันที่ฉนวนกาซาดังกล่าว ยอมรับว่ามีความเป็นห่วง แต่ก็เบาใจลงเมื่อทราบว่าลูกชายปลอดภัยและอยู่ในพื้นที่ปลอดภัย แต่ลูกชายขอไม่เดินทางกลับในขณะนี้เพราะอยากทำงานต่อ โดยได้ทำงานในฟาร์มเพาะพันธุ์ไก่กับเพื่อนชาวไทยอีก 4 คน และได้โทรผ่านแอพพลิเคชั่นแมสเซนเจอร์ของเฟสบุ๊กคุยกันตลอด ทราบว่าทั้ง 4 คนปลอดภัยดี และนายจ้างก็ดูแลดี ล่าสุดนายจ้างได้ชื้อของกินของใช้ให้เป็นเงินกว่า 10,000 บาท ตนและภรรยาแม้จะห่วง แต่ก็เชื่อใจว่าลูกชายเป็นคนระวังตัวและเอาตัวรอดได้ เขาสามารถพูดภาษาอาหรับและภาษายิวได้ และรับจ๊อบเป็นล่ามให้ชาวไทยคนอื่น ๆ ในอิสราเอล ประกอบกับเป็นนักสู้จบด้านเกษตรศาสตร์โดยตรงจากมหาวิทยาลัยแม่โจ้ แต่เหตุผลที่เขาขออยู่ต่อเพราะการที่คนไทยจะได้ไปทำงานที่นั่นเป็นเรื่องยากมาก ต้องมีค่าใช้สูงกว่าจะได้ไป ลูกบอกว่าต้องทำงานต่อเพื่อนำเงินไปใช้หนี้เงินกู้สหกรณ์ที่กู้มา ที่ผ่านมาลูกตนก็ดูแลครอบครัวเป็นอย่างดี ทุกๆเดือนจะส่งเงินให้แม่เดือนละ 5,000 บาททุก ทางครอบครัวปรึกษาหารือกันแล้วคงติดตามสถานการณ์ต่อไป หากสถานการณ์อันตรายต่อลูกชาย จะให้เดินทางกลับทันที โดยไม่รอการเบิกจ่ายตามระเบียบราชการ ทางครอบครัวและญาติจะรวมเงินค่าเดินทางกลับให้กลับมาก่อนอย่างปลอดภัย เพราะชีวิตสำคัญที่สุด
.
.
ผู้สื่อข่าวรายงานว่านายประเสริฐ ได้โทรผ่านแอพพลิเคชันแมสเซนเจอร์ไปหานายปณต โดยนาปณตได้รับสายก่อนเล่าเหตุการณ์ในขณะนี้ ว่า ขณะนี้ตนสบายดีและยังทำงานตามปกติ ทั้งนายจ้างและกลุ่มคนงานก็ระมัดวัง เมื่อทำงานเสร็จจะเข้าที่ปลอดภัยหรือหลุดหลบภัยทันที ฟาร์มไก่ที่ตนทำงานอยู่ห่างจากพื้นที่สู้รบราว 60 กิโลเมตร แม้จะเป็นพื้นที่ปลอดภัยแต่ทุกช่วงเย็นของแต่ละวัน จะได้ยินเสียงยิงปืนและเสียงยิงจรวดเป็นระยะ พวกตนไม่กล้าออกไปไหน แต่นายจ้างก็ดูแลดี หากสถานการณ์ปลอดภัยพวกตนจะทำงานต่อ เพราะจำเป็นต้องหาเงินและติดเงื่อนไขระยะสัญญาจ้าง โดยมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจากประเทศไทยติดตนตลอดเวลา เพื่อประเมินสถานการณ์
.
“ถือว่าผมโชคดีเพราะในช่วงก่อนการสู้รบวันเดียว ผมกับเพื่อนคนไทยรวม 4 คน ไปทำงานในฟาร์มตรงฉนวนกาซาพอดี โดยวันก่อนวันสู้รบเพียงหนึ่งวัน ได้มีชายแปลกหน้าเข้ามานั่งอยู่ในฟาร์ม เขาเข้ามาหาผมทำทีเป็นขอบุหรี่พวกผมสูบ แม้จะไม่แน่ใจว่าเป็นกลุ่มฮามาสหรือพวกก่อการร้ายหรือไม่ เพราะไม่เคยเห็นหน้ามาก่อน แต่รู้สึกผิดสังเกตจึงรีบโทรบอกหัวหน้าทันที นายจ้างก็รีบขับรถมารับพวกผมออกจากพื้นที่ทันทีเลยในวันนั้น ก็ถือว่ารอดมาได้ พวกผมจึงปลอดภัย”นายปณตเล่าสถานการณ์จากอิสราเอล
…
ชมภาพ