.


.
ตรัง-“ปุ้มปุ้ย” เดินหน้า Save The Ocean มอบโดรนให้กลุ่มอาสาสมัครพิทักษ์ดุหยง เกาะลิบง ในโครงการ “พี่ปุ้มปุ้ย…พาน้องพะยูนกลับบ้าน” สนับสนุนการสำรวจและศึกษาวิจัยประชากรพะยูน และแหล่งอาหาร ใจฟู สาธิตบินพบอวดโฉม 3 ตัว พร้อมผองเพื่อนน้องเต่าทะเล รองอ.กรมทช. เผย สัญญาณดี หญ้าทะเลฟื้นตัว พะยูนเริ่มกลับบ้าน เตรียมขยายผลโมเดลร่วมอนุรักษ์ เอกชน-รัฐ-ชุมชน
.
เมื่อวันที่ 26 มิถุนายน 2568 ที่ท่าเรือหาดยาว ตำบลเกาะลิบง อำเภอกันตัง จังหวัดตรัง บริษัท ผลิตภัณฑ์อาหารกว้างไพศาล จำกัด (มหาชน) ผู้ผลิตสินค้าอาหารภายใต้แบรนด์ “ปุ้มปุ้ย” โดยคุณปวิตา โตทับเที่ยง ประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายงานความยั่งยืนและสื่อสารองค์กร ร่วมกับกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง (ทช.) นำโดยนายอุกกฤต สตภูมินทร์ รองอธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง จัดพิธีส่งมอบโดรนจำนวน 2 ชุด มูลค่า 1 แสนบาท ให้แก่ กลุ่มอาสาสมัครพิทักษ์ดุหยงเกาะลิบง บ้านหาดทรายแก้ว ตำบลเกาะลิบง อำเภอกันตัง จังหวัดตรัง โดยมี พ.ต.ท.มนตรี สงคง สารวัตร กองกำกับการ 6 กองบังคับการปราบปราม ผู้บริหาร หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และเครือข่ายอนุรักษ์ท้องถิ่น เข้าร่วมเป็นสักขีพยานในพิธีมอบ
.














.


.
ทั้งนี้ เพื่อใช้ในภารกิจการสำรวจพะยูน และแหล่งอาหารตามธรรมชาติ ภายหลังสถานการณ์วิกฤตพะยูนและหญ้าทะเลเริ่มฟื้นตัวขึ้น โดยมีพะยูนจำหนวนหนึ่งเริ่มอพยพกลับสู่บริเวณเกาะลิบงซึ่งเคยขึ้นชื่อว่าเป็นเมืองหลวงแห่งพะยูน เนื่องจากสถานการณ์หญ้าทะเลแหล่งอาหารหลักของพะยูนเริ่มฟื้นตัว ประกอบด้วยเป็นพื้นที่เขตอนุรักษ์ ที่ชาวบ้านชายฝั่งมีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการอยู่ร่วมกับพะยูนซึ่งเป็นสัตว์ทะเลหายากและใกล้สูญพันธุ์
.












.














.
โดยภายหลังรับมอบโดรนเสร็จ รองอธิบดีกรมทช. คุณปวิตา ตัวแทนกลุ่มอาสาสมัครพิทักษ์ดุหยงเกาะลิบง พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่กรมทช. ได้ลงเรือเดินทางไปยังเกาะลิบง เพื่อรับชมการสาธิตบินโดรนสำรวจพะยูนและแหล่งหญ้าทะเลโดยกรมทช. ซึ่งเป็นที่น่ายินดีว่าในการบินสำรวจครั้งนี้ พบพะยูนถึง 3 ตัวไม่ห่างจากชายฝั่ง รวมทั้งเต่าทะเลอีกจำนวนหนึ่ง สำหรับการใช้โดรนในการบินสำรวจถือว่ามีความเหมาะสม และมีขีดความสามารถในการเฝ้าสังเกตพฤติกรรมของพะยูน รวมทั้งสัตว์ทะเลหากยากอื่นๆ โดยที่ไม่เป็นการรบกวนต่อการดำรงชีวิต และยังสามารถสำรวจกรณีเหตุฉุกเฉินการเกยตื้นได้อีกด้วย รวมถึงยังสามารถใช้ในการบินสำรวจสภาพของหญ้าทะเลแหล่งอาหารของพะยูนได้เช่นกัน
.


.
คุณปวิตา โตทับเที่ยง ประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายงานความยั่งยืนและสื่อสารองค์กร บริษัท ผลิตภัณฑ์อาหารกว้างไพศาล จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า การมอบอุปกรณ์ในครั้งนี้ เป็นส่วนหนึ่งของโครงการ “พี่ปุ้มปุ้ย…พาน้องพะยูนกลับบ้าน” โครงการเพื่อสังคมที่บริษัทฯ ดำเนินงานร่วมกับภาครัฐ ภาควิชาการ และภาคเอกชน โดยบริษัท ผลิตภัณฑ์อาหารกว้างไพศาล จำกัด (มหาชน) ร่วมกับกรมทช. กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม(ทส.) ภาควิชาวิทยาศาสตร์ทางทะเล คณะประมง มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ โดย ผศ.ดร.ธรณ์ ธำรงนาวาสวัสดิ์ และบริษัท บิ๊กซี ซูปเปอร์เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) วัตถุประสงค์ของโครงการคือ การระดมทุนและส่งมอบอุปกรณ์ช่วยเหลือพะยูนให้แก่เครือข่ายอนุรักษ์และชุมชนในพื้นที่ สนับสนุนการรักษาพยาบาลสัตว์ทะเลที่ได้รับบาดเจ็บ รวมถึงการศึกษาวิจัยแหล่งอาศัยและอาหารของพะยูนอย่างต่อเนื่อง เพื่อร่วมกันสร้างความหวังว่า พะยูนจะยังคงอยู่คู่ท้องทะเลไทยอย่างยั่งยืน
.
“บริษัทฯมองเห็นเรื่องสิ่งแวดล้อมเป็นสำคัญอยู่แล้วผ่านการทำกิจกรรม Save The Ocean เพราะเราอยากสร้างความตระหนักรู้ด้านการอนุรักษ์ไปให้ถึงกลุ่มผู้บริโภคด้วย ผ่านโครงการกิจกรรม “พี่ปุ้มปุ้ย…พาน้องพะยูนกลับบ้าน” ร่วมกับภาคีเครือข่ายต่างๆ 4 องค์กรข้างต้น โดยนำเงินรายได้จากการขายผลิตภัณฑ์ส่วนหนึ่งสบทบเข้าโครงการฯเพื่อช่วยเหลือนักวิจัยและชุมชน โดยกรมทช.ได้แจ้งความต้องการในการสนับสนุนอุปกรณ์เพื่อช่วยในงานอนุรักษ์แก่ชุมชน คือโดรน และได้นำมามอบให้กับชุมชนเกาะลิบงโดยตรง พร้อมทั้งได้ติดตามวิธีการทำงานในการศึกษาสำรวจของชุมชน เพื่อให้ชุมชนได้ใช้ให้เกิดประโยชน์ในการช่วยดูแลรักษาสิ่งแวดล้อมต่อไป”คุณปวิตา กล่าว
.


.
ด้าน นายอุกกฤต สตภูมินทร์ รองอธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง(ทช.) กล่าวถึงสถานการณ์พะยูนและหญ้าทะเล ว่า ภายหลังจากช่วงปี 2567 ที่เกิดวิกฤตหญ้าทะเลเสื่อมโทรมลง โดยเฉพาะพื้นที่ทะเลตรัง ซึ่งเป็นแหล่งอาศัยของพะยูนฝูงใหญ่ที่สุดของประเทศ โดยมีสาเหตุมาจากหลายปัจจัย แต่ส่งผลให้พะยูนขาดแหล่งอาหารโดยมีข้อมูลทางวิชาการในเรื่องการอพยพของพะยูนไปยังแหล่งอื่น แต่ในสถานการณ์ปัจจุบัน(ปี2568) จากการสำรวจด้วยการบินโดรนของกรมทช. พบสัญญาณที่ดี คือ พบว่าหญ้าทะเลแหล่งอาหารของพะยูนเริ่มฟื้นตัวโดยเฉพาะหญ้าใบมะกรูด และจำนวนประชากรพะยูนเริ่มเคลื่อนย้ายกลับสู่ถิ่นเดิม ดังนั้นในขั้นตอนต่อไปที่กรมทช.อยากดำเนินการคือการทำงานร่วมกับชุมชน เพราะชุมชนอยู่ใกล้ชิดกับธรรมชาติและฐานทรัพย์ยากร และกรมทช.ก็มีเครือข่ายชุมชนที่ทำงานใกล้ชิดและมีความมุ่งมั่น อย่างกลุ่มอาสาสมัครพิทักษ์ดุหยงเกาะลิบงที่ร่วมทำงานอนุรักษ์ตั้งแต่กระบวนการรับทราบสถานการณ์ ติดตามฟื้นฟู การหนุนเสริมต่างๆให้ธรรมชาติได้กลับคืนมา ซึ่งเป็นเรื่องที่ดีมาก
.
“การได้รับการสนับสนุนเทคโนโลยีสมัยใหม่อย่างเช่นโดรนจากเอกชนให้กับชุมชน ถือเป็นการเสริมงานศึกษาติดตามพะยูนและหญ้าทะเลของคนในชุมชนได้ด้วยตัวเอง ซึ่งถือเป็นโมเดลความร่วมมือสำคัญในด้านการอนุรักษ์ร่วมกัน ซึ่งกรมทช.จะขยายผลโมเดลความร่วมมือลักษณะนี้ไปยังพื้นที่อื่นๆต่อไป”รองอธิบดีกรมทช. กล่าว
///