ตรัง-ปลื้มปีติ อัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุจากอินเดีย จากสุวรรณภูมิสู่พุทธภูมิ ถึงตรังแล้ว นำมาประดิษฐานสำนักปฏิบัติธรรมพระพุทธบาทควนสงฆ์ ประชาชนชาวไทยและพม่านำดอกไม้มาโปรยต้อนรับและกราบไหว้ แห่รับคับคั่ง
.
เมื่อวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2566 โครงการธรรมยาตรา ครั้งที่ 1 สุวรรณภูมิสู่พุทธภูมิ พิธีอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุจากอินเดียถึงตรัง โดยมีมหาเถระพร้อมคณะสงฆ์และพุทธบริษัท พร้อมกันที่สนามบิน จากนั้น พระประสิทธิโสภณ (จำนงค์ อภิชาโต) รองเจ้าคณะจังหวัดตรัง อัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุขึ้นประดิษฐานองค์บุษบก รถแห่ ออกจากสนามบิน ขบวนจะออกจากสนามบินตรัง ยังตัวเมืองตรังเวียนรอบเมือง ผ่านหอนาฬิกาจังหวัดตรัง หน้าตลาดเมืองตรัง จำนวน 1 รอบ และเข้าสู่ถนนกลับสำนักปฏิบัติธรรม พระพุทธบาทควนสงฆ์ ต.นาโยงใต้ อ.เมือง จ.ตรัง เพื่อนำพระบรมสารีริกธาตุขึ้นประดิษฐานองค์บุษบก ณ สำนักปฏิบัติธรรมพระพุทธบาทควนสงฆ์ อำเภอเมืองตรัง จังหวัดตรัง โดยความเชื่อที่เกี่ยวเนื่องกับพระบรมสารีริกธาตุในดินแดนต่าง ๆ ที่นับถือพระพุทธศาสนา ต่างนับถือว่าพระบรมสารีริกธาตุเป็นสิ่งสูงค่า เนื่องจากเป็นส่วนหนึ่งแห่งพระพุทธสรีระขององค์สมเด็จพระบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า และด้วยความเชื่อเรื่องพระพุทธบารมีประดุจพระองค์ทรงพระชนม์อยู่ จึงมีความเชื่อว่าพระบรมสารีริกธาตุแสดงปาฏิหาริย์ต่าง ๆ ได้หลากหลายรูปแบบ
.
สำหรับ สำนักปฏิบัติธรรมพระพุทธบาทควนสงฆ์ ตั้งอยู่ที่หมู่ที่ 3 ตำบลนาโยงใต้ อำเภอเมืองตรัง จังหวัดตรัง มีทำเลที่ตั้งเป็นเนินเขาสูง ประชาชนและนักท่องเที่ยวนิยมขับรถขึ้นไปเพื่อชมวิวมุมสูงของเมืองตรัง และในช่วงที่อากาศเย็นจะมีหมอกปกคลุม สวยงาม ซึ่งในพิธีอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุขึ้นประดิษฐานองค์บุษบก ในครั้งนี้ สำนักปฏิบัติธรรมพระพุทธบาทควนสงฆ์ ได้เชิญชวนพุทธศาสนิกชนได้ร่วมสักการะบูชาพระบรมสารีริกธาตุเพื่อความเป็นสิริมงคล
.
นายประพล วิรพรสวรรค์ ประธานคณะทำงานในฝั่งประเทศไทย กล่าวว่า สำหรับโครงการธรรมยาตราจากสุวรรณภูมิสู่พุทธภูมิ เริ่มตั้งแต่วันที่ 17 มกราคม จนถึงวันที่ 15 กุมภาพันธ์ เพิ่งจะสิ้นสุดไปเมื่อวานนี้เอง ได้อัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุ พระราชทานจากสำนักพระพุทธบาทควนสงฆ์ เสด็จไปประเทศอินเดีย น่ารักมหาราชเมืองมุมไบ ซึ่งรายงานนี้มีพระสงฆ์และแม่ชี 80 กว่าท่าน และทีมงานกว่า 10 กว่าท่านรวม 100 ท่าน เดินทางระยะทาง 570 กิโลเมตร เพื่อจะเผยแพร่พระพุทธศาสนา โดยมีขบวนระหว่างทางพระสงฆ์เดินธุดงค์ด้วยเท้าเปล่า ฉันท์มื้อเดียวในระยะทาง 570 กิโลเมตร เป็นที่น่าอัศจรรย์ ในระยะเวลา 30 วัน ซึ่งอุณหภูมิสูงสุดเกือบ 40 องศา พื้นบนถนนร้อนมาก ถือว่าเป็นการบำเพ็ญเพียรพยายามในการเดิน เป็นเรื่องมหัศจรรย์ และระหว่างทางมีชาวอินเดียที่นับถือศาสนาพุทธ ก็ได้มากราบนมัสการเป็นที่น่าปิติ แต่ละเมืองประมาณเป็นหมื่นคน แล้วเมื่อวานเป็นการส่งมอบปิดกิจกรรม โดยมีคนมาร่วมงานประมาณ 30,000 คน เป็นที่ปิติอย่างยิ่ง พระพุทธศาสนาที่มีมาอย่างยาวนาน และโชคดีที่ชาวตรังได้รับพระราชทานพระบรมสารีริกธาตุ มาประดิษฐานไว้ที่สำนักพระพุทธบาทควรสงฆ์ จังหวัดตรัง หรือเป็นการเปิดฟ้าเปิดเมืองของจังหวัดตรังเพื่อให้ ชาวพุทธบริษัทได้มากราบนมัสการในโอกาสต่อไป ซึ่งพระบรมสารีริกธาตุ สรีระชิ้นส่วนที่ได้มานี้ ยังไม่ได้ทำการตรวจสอบว่าเป็นชิ้นส่วนใด ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า คาดว่าคงต้องทำการศึกษาการต่อไป
.
สำหรับพระบรมสารีริกธาตุองค์นี้ 12 ปีที่ผ่านมาได้รับพระราชทานที่รักษาการจากสมเด็จพระสังฆราช เพื่อมาสมโภชที่ศาลากลางจังหวัดตรังเรื่องในครบรอบ 95 ปีเมืองทับเที่ยง หลังจากนั้นก็ได้อัญเชิญไปประดิษฐานที่สำนักพระพุทธบาทควนสงฆ์ ซึ่งในขณะนี้มหาเจดีย์กำลังสร้างอยู่ และก็ได้มีการสมโภชครั้งใหญ่อัญเชิญเข้าสู่บุษบกมหาเจดีย์ เป็นที่เรียบร้อย เดือนมกราคมที่ผ่านมา ก็ได้นิมนต์กลับไปประเทศอินเดีย และเสด็จกลับมาอีกครั้งหนึ่งถือว่าเป็นสิริมงคลทั้งสองประเทศ และมีโครงการต่อเนื่องอีกมากมายในเรื่องของการแสดงธรรม ที่จะให้เผยแพร่พระพุทธศาสนาเชื่อมโยงของประเทศด้วยกัน และคาดว่าในวันอัฏฐมีบูชาซึ่งเป็นวันถวายพระเพลิงพระพุทธเจ้าหลังวันวิสาขบูชา 8 วันเราจะจัดเป็นงานประจำปีของจังหวัดตรังในโอกาสต่อไป จึงขอเชิญชวนพี่น้องชาวต่างและชาวพุทธทั้งหมดได้มาร่วมงานวันอัฏฐมีบูชาซึ่งจะเป็นงานเดียว เป็นงานที่พวกเรายังไม่ค่อยได้ทราบและจะจัดในปีนี้ด้วย
.
ชมภาพ
.