“เซ็นทรัล ทำ” เปิดโครงการศูนย์การเรียนรู้ชุมชนผ้าทอนาหมื่นศรี สืบสานตำนานผ้าทอร้อยปี สู่โมเดลท่องเที่ยวชุมชน คน-ผ้า-นา-วัด

ตรัง-“เซ็นทรัล ทำ” ต่อยอด การลงมือทำสู่จังหวัดตรัง สืบสาน ตำนานผ้าทอนับร้อยปี พัฒนาสู่โมเดล ท่องเที่ยวชุมชน พร้อมสนับสนุนการศึกษา และส่งเสริมอาชีพคนพิการ เพื่อกระจายรายได้สู่ชุมชน คน-ผ้า-นา-วัด “ชวน หลีกภัย” นำชม-เล่นวิถีพื้นบ้าน ชูโรงสีข้าวด้วยครกสีคล่องแคล่ว


เมื่อวันที่ 30 ต.ค. 2565 ที่ศูนย์เรียนรู้ชุมชนผ้าทอนาหมื่นศรี บ้านควนสวรรค์ ต.นาหมื่นศรี อ.นาโยง จ.ตรัง นายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภา เป็นประธานในพิธีเปิดโครงการศูนย์เรียนรู้ชุมชนผ้าทอนาหมื่นศรี พร้อมเยี่ยมชมนิทรรศการฯ ภายใต้การดำเนินงานของกลุ่มเซ็นทรัล ตามโครงการ “เซ็นทรัล ทำ” ซึ่งมุ่งมั่นในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ สร้างงาน สร้างอาชีพ สร้างคุณภาพชีวิตที่ดีให้แก่ชุมชน ด้วยแนวคิดการสร้างคุณค่าร่วมให้กับสังคม ลดความเหลื่อมล้ำ การให้โอกาสในการเข้าถึง รวมไปถึงการให้ความสำคัญด้านการอนุรักษ์วัฒนธรรม การคงไว้ซึ่งอัตลักษณ์และฟื้นฟูภูมิปัญญาพื้นถิ่น โดยมี นายขจรศักดิ์ เจริญโสภา ผู้ว่าราชการจังหวัดตรัง นายพิชัย จิราธิวัฒน์ กรรมการบริหาร กลุ่มเซ็นทรัลและคณะ นางกอบกาญจน์ วัฒนวรางกูร รองประธานกรรมการสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย อดีตรมว.ท่องเที่ยวและกีฬา นายจรูญศักดิ์ หมาดเท่ง นายอำเภอนาโยง นายวิโรจน์ เยาว์ดำ นายกฯอบต.นาหมื่นศรี นายเจริญ ศรนารายณ์ กำนันต.นาหมื่นศรี หัวหน้าส่วนราชการ ภาคเอกชน หอการค้าไทย YEC สมาคมท่องเที่ยว เครือข่ายทางวัฒนธรรม ประชาชนชาวนาหมื่นศรี และชาวตรังเข้าร่วมอย่างคับคั่ง มีนางสาวอารอบ เรืองสังข์ ประธานวิสาหกิจชุมชนผ้าทอนาหมื่นศรี และสมาชิกให้การต้อนรับ

ไฮไลท์ภายในพิธีเปิดมีการจัดแสดงแฟชั่นโชว์ผ้าทอนาหมื่นศรี ทั้งผ้าทอแบบดั้งเดิม และ แบบแฟชั่นทันสมัย จากนายแบบ-นางแบบกิตติมศักดิ์ และนายแบบนางแบบมืออาชีพชาวตรัง กำกับการนำเสนอผลงานการออกแบบของ นักศึกษาสาขาออกแบบแฟชั่นและสิ่งทอ มทร.ศรีวิชัย ได้แก่ นาย สิทธิศักดิ์ ทองใย และนายนิติพงศ์ ไวยวรรณจิต ใช้ช่างทอผ้าจากกลุ่มทอผ้านาหมื่นศรี ได้แก่ นางอารีย์ ปั้นทอง นางลัดดา ชูบัว และนาง ขนิษฐา ชูเกลี้ยง

ทั้งนี้สำหรับวัฒนธรรมการแต่งกายของชาวนาหมื่นศรี จะมีความสัมพันธ์กับการประกอบอาชีพเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งชาวนาหมื่นศรีดั้งเดิมส่วนใหญ่มีอาชีพทานา เลี้ยงวัว ทาสวนยาง ส่วนอาชีพการทอผ้าที่ทำกันหลังจากกรีดยางเสร็จแล้ว ซึ่งถือเป็นอาชีพเสริมอีกอย่างหนึ่งที่ถือได้ว่าเป็นเอกลักษณ์ของชาวนาหมื่นศรี การทอผ้าของนาหมื่นศรีมีมาแต่โบราณ ครั้งที่ยังไม่มีเส้นด้ายขายในตลาด แต่ละบ้านปลูกฝ้าย ปั่นฝ้าย ย้อมสีเอง ทุกบ้านมีหูกประจาบ้านเพื่อทอผ้าใช้ในครัวเรือน บางทีก็แลกเปลี่ยนกับเพื่อนบ้านเพื่อให้ได้สีสันและลวดลายที่แตกต่างออกไป มีบ้างที่ทอเหลือใช้ ขายในตลาด หรือแลกเปลี่ยนเป็นเส้นด้ายกลับมา สมัยก่อนสงครามโลกครั้งที่ 2 ซื้อด้ายจากตลาดนาโยง ต่อมาในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 เส้นด้ายขาดตลาด วิธีแก้ปัญหาคือปั่นฝ้ายย้อมสีเอง พอหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 มีผ้าจากโรงงานและเสื้อผ้าสาเร็จรูปขายในตลาดมากขึ้น การทอผ้าของคนนาหมื่นศรีจึงค่อย ๆ ลดลงจนแทบไม่มีเหลือ

อย่างไรก็ตามการทอผ้าเพื่อใช้ในบ้าน ประเภทผ้าเช็ดหน้า ผ้าห่มยกดอก เพื่อใช้ในโอกาสพิเศษ และผ้าพานช้างยังมีอยู่ เมื่อคราวพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 เสด็จพระราชดาเนินเยี่ยมราษฏรจังหวัดภาคใต้ เสด็จฯ จังหวัดตรัง ในระหว่างวันที่ 16-17 มีนาคม 2502 ขณะเสด็จฯ จากจังหวัดตรัง ไปจังหวัดพัทลุง ในวันที่ 17 มีนาคม 2502 ได้ทรงแวะเยี่ยมราษฏรตาบลนาโยง มีชาวบ้านนาหมื่นศรี นาผ้าห่มลายลูกแก้ว ไปทูลเกล้าฯ ถวายผ้าลายโบราณในยุคแรกที่ทอได้มี ลายขาวม้า ลายราชวัตร ลายตาหมากรุก ผ้าถุงทอลายหางกระรอก ตาสมุก หัวพลู ผ้าห่อทอลายลูกแก้ว ลายดอกจัน ลายดาวล้อมเดือน เป็นต้น ผ้าที่ทอได้เป็นครั้งแรก ชาวบ้านภายในหมู่บ้านได้ซื้อขายกันเอง และเริ่มกระจายไปยังหมู่บ้านอื่น

นอกจากนี้ภายในงานยังมีการจัดโซนแสดงวิถีชีวิตสะท้อนคำนิยามของงาน “คน-ผ้า-นา-วัด” ซึ่งเป็นรากเหง้าประวัติศาสตร์วัฒนธรรมของนาหมื่นศรี รวมทั้ง การสาธิตทำอาหาร-ขนมพื้นถิ่น ศิลปะวัฒนธรรมพื้นบ้านนาหมื่นศรี การแสดงมโนราห์จากต.โคกสะบ้า รวมถึงการนำวัวชน นกกรงหัวจุกมาโชว์เพื่อให้ผู้ร่วมงานได้สัมผัสวิถีนาหมื่นศรีที่แท้จริงอย่างใกล้ชิด โดยทั้งนายชวน หัวหน้าส่วนราชการ คณะผู้บริหารเซ็นทรัล ตลอดจนประชาชนผู้ร่วมงานได้ทดลอง สีข้าวด้วยครกสี ตำข้าว และร่วมชมร่วมเล่นการละเล่นพื้นบ้านอย่างสนุกสนาน โดยนายชวนได้สีข้าวด้วยครกสีข้าวอย่างคล่องแคล่ว และเชื้อเชิญให้นายพิชัย นางกอบกาญจน์ นายขจรศักดิ์ และคนอื่นๆมาลองสีด้วยบรรยากาศสนุกสนานครื้นเครง เป็นภาพประทับใจแก่ผู้ร่วมงานที่ต่างมุงดูกันเป็นจำนวนมาก

นายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภา

.

ทั้งนี้ โครงการ “เซ็นทรัล ทำ” ทำด้วยกัน ทำด้วยใจ  ภายใต้โครงการหลักการพัฒนาเพื่อความยั่งยืน ของกลุ่มเซ็นทรัล ได้ขับเคลื่อนโครงการด้วยการลงพื้นที่กับชาวชุมชนนาหมื่นศรี จังหวัดตรัง ร่วมส่งเสริมเศรษฐกิจชุมชน สร้างอาชีพ และบรรเทาสาธารณภัย รวมทั้งเล็งเห็นถึงความสำคัญในการสืบสานวัฒนธรรมที่มีมานับร้อยปีและพัฒนาสู่โมเดลท่องเที่ยวชุมชน โดยเปิดโครงการศูนย์การเรียนรู้ชุมชนผ้าทอนาหมื่นศรี เพื่อสืบสานวิถีชุมชนเกษตรหัตกรรมผ้าทอมือโบราณของทางภาคใต้, ขับเคลื่อนการศึกษา, จัดทำเส้นทางจักรยานท่องเที่ยวชุมชน, อบรมการเป็นมัคคุเทศก์ รวมไปถึงออกแบบและพัฒนาผลิตภัณฑ์ผ้าทอนาหมื่นศรี ทำให้สามารถกระจายรายได้สู่ชุมชนกว่า 56 ล้านบาท 155 ครัวเรือน (ข้อมูล ณ เดือน กรกฎาคม 65) โดยได้รับความร่วมมือระหว่างภาครัฐ ภาคเอกชน และชุมชน เพื่อส่งต่อให้คนรุ่นหลังสืบไป

นายพิชัย จิราธิวัฒน์ กรรมการบริหาร กลุ่มเซ็นทรัล

.

นายพิชัย จิราธิวัฒน์ กรรมการบริหาร กลุ่มเซ็นทรัล กล่าวว่า ด้วยความตระหนึกถึงความสำคัญในการสืบสานวัฒนธรรมโบราณ และยังสามารถต่อยอดสู่ชุมชน เซ็นทรัล ทำ จึงได้ริเริ่มพัฒนา “โครงการท่องเที่ยวชุมชน ศูนย์การเรียนรู้ชุมชนผ้าทอนาหมื่นศรี” โดยการเข้าไปช่วยพัฒนาด้านการออกแบบของผ้าทอนาหมื่นศรีให้มีความทันสมัยเป็นที่ต้องการของผู้บริโภคในปัจจุบัน และปรับปรุงโรงทอผ้าเดิมให้เป็นพิพิธภัณฑ์ ตั้งแต่ปี 2557 เพื่อใช้เป็นสถานที่รวบรวมลายผ้าและผ้าทอโบราณไม่ให้สูญหาย รวมถึงให้ลูกหลานของชุมชนได้เรียนรู้เรื่องราวผ้าทอของบรรพบุรุษที่สืบทอดกันมาตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 5 มีความโดดเด่นเรื่องการใช้สีและลายผ้าซึ่งมีแนวคิดมาจากประเพณีและวัฒนธรรมท้องถิ่นซึ่งเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของชาวจังหวัดตรัง

นายพิชัยกล่าวอีกว่า ในปี 2561 ได้ปรับปรุงพิพิธภัณฑ์ผ้าทอนาหมื่นศรีอีกครั้ง เพื่อยกระดับให้เป็นศูนย์การเรียนรู้ชุมชนผ้าทอนาหมื่นศรี และเป็นสถานที่ท่องเที่ยวทางวัฒนธรรมที่สำคัญอีกแห่งหนึ่ง ซึ่งภายในศูนย์การเรียนรู้แห่งนี้ ประกอบด้วย โรงทอผ้า, พิพิธภัณฑ์ผ้าทอ, ร้านค้าวิสาหกิจชุมชนนาหมื่นศรี และการท่องเที่ยวชุมชน พร้อมด้วยมัคคุเทศก์ที่จะมาคอยบอกเล่าถึงตำนานผ้าทอนับร้อยปี ของตำบลนาหมื่นศรี อำเภอนาโยง จังหวัดตรัง และจะพัฒนาสู่การท่องเที่ยวชุมชนระดับประเทศ

.

โครงการท่องเที่ยวชุมชน ศูนย์การเรียนรู้ชุมชนผ้าทอนาหมื่นศรี ประกอบไปด้วย 4 ส่วนดังนี้

1.อาคารศูนย์การเรียนรู้ชุมชนผ้าทอนาหมื่นศรี ออกแบบภายใต้แนวคิด “อยู่กับผ้า”          ด้วยรูปแบบและโครงสร้างอาคารที่เรียบง่าย เปิดโล่ง และเข้ากับบริบทโดยรอบของชุมชน   เพิ่มความโดดเด่นด้วยการใช้ผ้าทอนาหมื่นศรีตกแต่งภายในอาคาร    เพื่อเป็นศูนย์กลางในการเรียนรู้เรื่องราวของตำนานผ้าทอนับร้อยปีของชาวชุมชนนาหมื่นศรี

2.พิพิธภัณฑ์ผ้าทอนาหมื่นศรี จัดทำภายใต้แนวคิด “สืบโยด สาวย่าน” หรือหมายถึง “การสืบสาวเรื่องราวผ้าทอ” ให้เห็นถึงคุณค่าของผ้าทอนาหมื่นศรี อันเป็นมรดกทางภูมิปัญญาท้องถิ่นมานับร้อยปี ซึ่งลายดั้งเดิมคือ ลายลูกแก้ว ลายราชวัตร ลายแก้วชิงดวง และเป็นสถานที่ที่รวบรวมลายผ้ามรดก ที่เกิดจากการสืบทอดของช่างทอในชุมชน และส่งเสริมกิจกรรมการท่องเที่ยวทางวัฒนธรรมของจังหวัดตรัง เพื่อหวังสืบทอดภูมิปัญญาและอยากชวนให้คนไทยได้มาเห็นคุณค่าของผ้าทอเมืองตรัง อีกทั้งยังมีการสนับสนุนให้เยาวชนภายในชุมชนได้เข้ามามีส่วนร่วมด้วยการเป็นมัคคุเทศก์ที่จะคอยพาชมผ้าโบราณและบอกเล่าเรื่องราวของลายผ้าต่างๆ

3.ร้านค้าวิสาหกิจชุมชนนาหมื่นศรี ซึ่งตั้งอยู่ด้านหน้าของอาคารพิพิธภัณฑ์ผ้าทอนาหมื่นศรี โดยออกแบบอาคารให้มีความเชื่อมโยงต่อเนื่องกัน โดยภายในมีการจำหน่ายผลิตภัณฑ์ อาทิ ผ้าทอ, กระเป๋า, เสื้อ, หมวก ฯลฯ ซึ่งทางกลุ่มเซ็นทรัลได้ร่วมออกแบบ และพัฒนาผลิตภัณฑ์ร่วมกับชุมชนนาหมื่นศรีเป็นคอลเลคชั่น ใหม่ เพื่อจัดจำหน่าย ภายใต้แบรนด์ Good Goods

4.จัดทำเส้นทางจักรยานท่องเที่ยวชุมชน ภายในตำบลนาหมื่นศรี และทำป้ายข้อมูลแหล่งท่องเที่ยวของชุมชนพร้อมจัดจักรยานให้เช่าบริการแก่นักท่องเที่ยว

นอกจากการพัฒนาโมเดลการท่องเที่ยวชุมชน กลุ่มเซ็นทรัล ยังได้สนับสนุนและผลักดันด้านการศึกษาในพื้นที่มาอย่างต่อเนื่อง รวมไปถึงส่งเสริมอาชีพคนพิการในจังหวัดตรัง ดังนี้ โรงเรียนในจังหวัดตรัง 19 โรงเรียนเข้าร่วมโครงการโรงเรียนประชารัฐ , ขับเคลื่อนการพัฒนาโรงเรียนผ่านโครงการโรงเรียนคุณธรรม และหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงด้านการศึกษา โดยความร่วมมือกับมูลนิธิยุวสถิรคุณ ภายใต้สำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ , กลุ่มเซ็นทรัลเข้าร่วมโครงการโรงเรียนร่วมพัฒนา (Partnership Schools) กับกระทรวงศึกษาธิการ โดยมีการลงนาม MOU ร่วมกับโรงเรียน และวิทยาลัยระดับอาชีวศึกษาในภูมิภาคต่างๆ   ซึ่งภาคใต้ได้คัดเลือกโรงเรียนบ้านควนสวรรค์ และวิทยาลัยเทคนิคตรัง ในการทำโครงการ เพื่อให้เกิดความต่อเนื่องของการศึกษาจากระดับการศึกษาขั้นพื้นฐานไปสู่ระดับอาชีวศึกษา นอกจากนี้ มีการมอบทุนการศึกษาให้กับสถานศึกษาทั้ง 2 แห่ง จำนวนทั้งสิ้น 168 ทุน , ผลักดันให้โรงเรียนเข้ารับการประเมินเป็นศูนย์การเรียนรู้ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ด้านการศึกษา, ส่งเสริมด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรมในการพัฒนาเส้นใยผ้าให้แก่วิสาหกิจชุมชนผ้าทอนาหมื่นศรี อาทิ ผ้าทอนาโน ใยผ้าจากกล้วย เป็นต้น  , และ โครงการส่งเสริมอาชีพให้กับคนพิการในจังหวัดตรัง  ผ่านความร่วมมือกับ สมาคมกีฬาคนพิการทางการเคลื่อนไหวและร่างกาย จังหวัดตรัง จัดตั้ง โครงการเซ็นทรัลทำ ชื่อ “โครงการเลี้ยงไก่พันธุ์ไข่เพื่อการจำหน่าย” รวมทั้งสิ้น 28 ครัวเรือน กระจายอยู่ใน 5 อำเภอ

.

Share:

Share on facebook
Facebook
Share on pinterest
Pinterest

Social Media

Most Popular

เรื่องเพิ่งแดง! อาคารสนามบินตรังยับเยิน ทิ้งร้างต่อหน้า “นายหัวชวน” นั่งไม่ติดรุดดู ผงะ! มือมืดลักสายไฟเละ สภ.เมืองตรังเจ๋ง ตามจับทันควัน แจ้งข้อหาลักทรัพย์กลางคืน ร้านของเก่าเจอรับซื้อของโจร

อ่านต่อ »

Categories

เรื่องเพิ่งแดง! อาคารสนามบินตรังยับเยิน ทิ้งร้างต่อหน้า “นายหัวชวน” นั่งไม่ติดรุดดู ผงะ! มือมืดลักสายไฟเละ สภ.เมืองตรังเจ๋ง ตามจับทันควัน แจ้งข้อหาลักทรัพย์กลางคืน ร้านของเก่าเจอรับซื้อของโจร

ตรัง-เรื่องเพิ่งแดง! อาคารสนามบินตรังเสียหายยับเยิน ทิ้งร้างต่อหน้า “นายหัวชวน” นั่งไม่ติดร้อนใจรุดดู ผงะ!มือมืดลักสายไฟนานแรมปี สภ.เมืองตรังตามรวบทันควัน คนสนิท โพสต์ นักการเมืองคนหนึ่งประสานงบมายุคคสช. ไม่นิ่งนอนใจตามบี้งานก่อสร้างตลอด อึ้ง! 1.2 พันล้านภาษีปชช. ตกหลุมสุญญากาศ ไร้แม้รปภ. สภ.เมืองตรังโชว์ผลงานจับทันควัน แจ้งข้อหาหนักลักทรัพย์กลางคืน ร้านของเก่าเจอรับซื้อของโจร ทย.สั่งลงพื้นที่ด่วนสำรวจหน้างาน เร่งตั้งงบใหม่ ลั่นสร้างเสร็จปลายปี 68 หลังประชาชนบุกร้อง “มนพร”

เปิดใจ “บิ๊กเหน่-เสน่ห์ ทองศักดิ์” ปธ.เมืองตรัง ยูไนเต็ด “เดอะแมนบีฮายด์” 3 ปีพุ่งทะยาน “วิถี สุพิทักษ์” นักธุรกิจดัง ชมมาถูกทาง กระแสบอลตรังพุ่งรอบ 10 ปี

ตรัง-วงการลูกหนังตรัง คืนชีพในรอบ 10 ปี หลัง “อาชาอันดามัน เมืองตรัง ยูไนเต็ด” เปิดบ้าน “เมืองตรัง สเตเดี้ยม” ล้มยักษ์ “กิเลนผยอง เมืองทอง ยูไนเต็ด” ลอยลำเข้ารอบ 16 ทีมสุดท้ายบอลถ้วย “รีโว่คัพ” เปิดใจ “บิ๊กเหน่-เสน่ห์ ทองศักดิ์” ปธ.สโมสร “เดอะแมนบีฮายด์” 3 ปีพัฒนาการพุ่งทะยาน สู่ฝันยกระดับบอลอาชีพให้คนตรัง เงินสะพัดหลักล้านต่อแมตซ์ ด้าน “วิถี สุพิทักษ์” นักธุรกิจดังเกาะติดตามเชียร์เกือบทุกสนาม เอ่ยปากชมมาถูกทาง กระแสบอลตรังพุ่งรอบ 10 ปี พร้อมทุ่มการสนับสนุน ดีใจเมืองห้วยยอดกลับมาคึกคักอีกครั้ง

“Wander & Sip” ชวนมาจิบ มาชิม เที่ยวส่งท้ายฤดูฝนไปกับบรรยากาศแคมป์ปิ้งดนตรีชิลล์ ใกล้เมืองตรัง พร้อมกิจกรรม DIY 27-29 ก.ย.นี้

ตรัง-ชวนเที่ยวส่งท้ายฤดูฝนแบบชิลล์ๆ กับงาน “Wander & Sip ชวนมาจิบ มาชิม” สัมผัสบรรยากาศสุดคูลในธีมแคมป์ปิ้งใกล้เมืองตรัง พร้อมการแสดงดนตรีสดสบายๆ เน้นแนวคิด Eco-friendly เพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน ส่งเสริมการท่องเที่ยวช่วงปลายฤดูฝน ภายในงานมีร้านอาหาร เครื่องดื่ม และกิจกรรม DIY จากผู้ประกอบการท้องถิ่นกว่า 15 ร้าน 27-29 กันยายนนี้

ค้นหาหัวข้อข่าวที่คุณสนใจ

Generic selectors
Exact matches only
Search in title
Search in content
Post Type Selectors